A/B Testing | ส่วนสำคัญของการทำ Facebook Ads
แน่นอนว่าหากเรามี Artwork ที่ใช้โฆษณาแบบเดียว Text แบบเดียว หรือแม้แต่ Target เดียว อาจจะทำให้เราซื้อโฆษณาได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะเราจะไม่รู้ได้เลยว่า ลูกค้าจะสนใจข้อความ หรือรูปภาพแบบไหนที่จะทำให้สนใจสินค้าของเรา และทำการซื้อสินค้าของเราในที่สุด ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เราทราบได้คือการทำ A/B Testing
A/B Testing คืออะไร ?
A/B Testing คือ วิธีการทดลอง หรือเปรียบเทียบชิ้นงานสองชิ้นขึ้นไป ตัวอย่างเช่นในวงการโฆษณาคือ การเปรียบเทียบว่าโฆษณาตัวไหนที่ได้ผลตอบรับดีกว่ากัน และนำมาวัดผล ปรับปรุงตัวโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนแรกให้เข้ามายังหน้า Ad Manager และสร้างกด Create Campaign เลือก Objective ที่เราต้องการจะโฆษณา จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่าง แล้วกดเปิดตัว A/B Testing กันได้เลย
A/B Testing บน Facebook มีกี่แบบ ? แล้วแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ?
1.Audience
คือวิธีที่สามารถช่วยให้เรายิงโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยเราสามารถเลือก Test Target ว่า Ad Set ที่เราต้องการโฆษณา สามารถเข้าถึงกลุ่ม A หรือ B ได้มากกว่ากัน ซึ่งบางครั้งเราอาจจะไม่แน่ใจว่ากลุ่ม Target ที่เราเลือกมานั้นดีพอหรือยัง การทดสอบจึงช่วยเราในเรื่องนี้ได้
2.Placement
เป็นการ Test ตัวโฆษณาให้ไปแสดงตามจุดต่าง ๆ เพื่อวัดว่า Placement ที่ไหนได้รับผลตอบรับดีที่สุด ซึ่ง Placement ของการทำโฆษณาบน Facebook มีหลายรูปแบบและหลาย Platforms ให้เลือก ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาตัวหนึ่งอยากวัดว่า Feed บน Facebook หรือ Instagram แพลตฟอร์มไหนได้ผลตอบรับมากกว่ากัน เป็นต้น เราควรจะเลือกแบบไหน ถึงจะดีที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับว่า Objective ของเราโฆษณาของเราคืออะไร
3.Delivery Optimization
การที่เราเลือกทำ A/B Testing โฆษณาบน Facebook ผ่านการปรับ Optimization เช่น เราเลือกทำ A/B Testing ระหว่าง Reach (คือการที่โฆษณาสามารถเข้าถึงคน หรือผู้ใช้งานได้มากที่สุด) และ Impression (คือการที่โฆษณาจะไปแสดงให้คน หรือผู้ใช้งานได้เห็นมากที่สุด) ซึ่งเราอาจทำการ Test เพื่อเลือกว่าวิธีการ Optimization แบบไหน ได้ผลกับโฆษณาของเรามากที่สุด
4.Creative
การ Test ในส่วนของ Text หรือรูปภาพที่ใช้ในโฆษณา ซึ่งบางทีเราอาจจะใส่แต่ส่วนลดลงไปในโฆษณา แต่ลูกค้าอาจจะยังไม่รู้ว่าสินค้าของเรานั้นดีอย่างไร เราจึงสามารถ Test ได้ว่าควรจะนำเสนอส่วนลดเป็นจุดเด่น หรือ Feature ของสินค้าเป็นจุดเด่น เป็นต้น ซึ่งรูปภาพและ Text ควรไปในทิศทางเดียวกัน และควรให้ความสำคัญกับรูปภาพเป็นพิเศษ เพราะเวลาเราเลื่อนดูบน News Feed จะเลื่อนค่อนข้างเร็ว ดังนั้นรูปภาพควรชัดเจนว่าจะสื่อสารอะไร เพื่อให้ลูกค้าหยุดดูที่โฆษณาของคุณ และใช้ข้อความเป็นตัวอธิบายเพิ่มเติม
สรุป
การเลือกทำ A/B Testing ให้กับการยิงโฆษณาบน Facebook เพื่อที่เราจะเสียค่าโฆษณาน้อยที่สุด แต่ได้รับผลตอบแทนมากที่สุด เช่นให้คนกลับมาซื้อสินค้า หรือสนใจในสินค้าของเรามากที่สุด ดังนั้นสิ่งสำคัญหลังการทำ A/B Testing นั้นคือการวัดผลโฆษณาบน Facebook ที่เรายิงไป และนำไปปรับใช้ในครั้งต่อไป